ปัจจุบัน
โทรศัพท์ บางรุ่นมีราคาแพง ทำให้จำเป็นต้องดูแลรักษาเป็นอย่างดี และวิธีป้องกันดูแลรักษา
โทรศัพท์มือถืออีกวิธีหนึ่งก็คือ การใส่เคสมือถือเพื่อป้องกันตัวเครื่องเป็นรอยขีดข่วน และป้องกันความเสียหายจากการตกหล่นในขณะที่การใช้งานเคส
โทรศัพท์มีมากมายหลากหลาย และเป็นที่นิยมกันมาก มีวางขายทั่วไปตั้งแต่ราคาหลักสิบจนถึงหลักพัน ดังนั้นเราจึงควรรู้จักเคสมือถือ และวิธีการเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับโทรศัพท์มือถือของเรา
ประเภทเคสมือถือ
1.เคสแบบอ่อน ยืดหยุ่นได้ (Soft Case)
เคสซิลิโคน มีราคาถูก รับแรงกระแทกได้ดี ทำความสะอาดได้น้ำ เพราะสามารถล้างน้ำได้ สามารถติดตั้ง ถอด - ใส่ ได้ง่าย เพราะเคสมีความยืดหยุ่นสูง เป็นเคสที่มีความกระชับมือที่สุด เวลาถือ เพราะมีความหนืด
เคส TPU มีความยืดหยุ่น น้อยกว่าซิลิโคน คงรูปมากกว่า ไม่มีการเสียทรงเหมือนเคสซิลิโคน ไม่มีการเสียทรงถึงแม้ใช้ในระยะยาว รับแรงกระแทกได้ดี (แต่น้อยกว่าซิลิโคน) ฝุ่นเกาะยาก เนื่องจากเคสไม่มีความเหนียว ติดตั้งง่าย
2.เคสแบบแข็ง (Hard Case)
ทำมาจากวัสดุที่แตกต่างกันไป อาจจะเป็นพลาสติก หรือว่า Polycarbonate เคส
โทรศัพท์แบบนี้ได้รับความนิยมรองมาจากแบบแรก ข้อดีก็คือ แข็งแรง ทนทาน ไม่ค่อยเป็นรอยเท่าไหร่ ยึดเกาะกับตัวเครื่องได้ดี แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณภาพของเคสมือถือแบบนี้ไม่ดี อาจจะทำให้ตัวเครื่องเป็นรอยได้ง่ายๆ เช่นกัน
3.Hybrid Case (การผสมผสานกัน)
คือการนำข้อดีของแต่ละประเภทของเคสมือถือ มารวมกัน ส่วนมากจะเป็นเคส พลาสติก + ซิลิโคน เช่น จับกระชับมือ รับแรงกระแทกได้ดี ไม่มีฝุ่นเกะ ฯลฯ
ทำมาจากวัสดุที่แตกต่างกันไป อาจจะเป็นพลาสติก หรือว่า Polycarbonate เคสโทรศัพท์แบบนี้ได้รับความนิยมรองมาจากแบบแรก ข้อดีก็คือ แข็งแรง ทนทาน ไม่ค่อยเป็นรอยเท่าไหร่ ยึดเกาะกับตัวเครื่องได้ดี แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณภาพของเคสโทรศัพท์แบบนี้ไม่ดี อาจจะทำให้ตัวเครื่องเป็นรอยได้ง่ายๆ เช่นกัน
4.เคสแบบหนัง (Leather Case)
เป็นเคส
โทรศัพท์ที่สามารถอัพเกรดให้มือถือดูดี หรูหรา มีสไตล์ได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากทำจากหนังสัตว์ หรือหนังสังเคราะห์ ซึ่งป้องกันการขีดข่วนได้เป็นอย่างดี แต่ความสามารถในการซึมซับแรงกระแทกอาจจะต่ำ หากทำตกโทรศัพท์มือถืออาจได้รับความเสียหายได้